
ประเภท : กรณีศึกษา
โดย : มูลนิธิศูนย์คุ้มครองสิทธิด้านเอดส์
สร้างเมื่อ : 12-Jan-2016
จำนวนเข้าชม 127 ครั้ง
ชื่นชอบ 1 ครั้ง
ในนามคณะทำงานพัฒนาแนวทางการเข้าถึงบริการสุขภาพที่เป็นมิตร ในกลุ่มประชากรข้ามชาติ
ซึ่งประกอบไปด้วย มูลนิธิศูนย์คุ้มครองสิทธิด้านเอดส์ มูลนิธิรักษ์ไทย มูลนิธิศุภนิมิตแห่งประเทศไทย
เครือข่ายคนทำงานด้านประชากรข้ามชาติและเครือข่ายปฏิบัติการเพื่อแรงงานข้ามชาติ ได้ดำเนินการ
จัดเก็บข้อมูลและระดมความคิดเห็นในกลุ่มแรงงานข้ามชาติ และสถานพยาบาล ที่ให้บริการการจัดทำ
ประกันสุขภาพและตรวจสุขภาพกลุ่มแรงงานข้ามชาติ คนข้ามชาติและผู้ติดตาม ตามประกาศกระทรวง
สาธารณสุข ว่าด้วย ประกาศกระทรวงสาธารณสุขเรื่องการตรวจสุขภาพและประกันสุขภาพแรงงานต่าง
ด้าวและประกาศกระทรวงสาธารณสุขเรื่องการตรวจสุขภาพและประกันสุขภาพคนต่างด้าว ลงวันที่ 30
มีนาคม 2558 โดยได้ดำเนินการในพื้นที่ที่มีการจ้างแรงงานข้ามชาติอย่างเข้มข้น ได้แก่ กรุงเทพฯ
สมุทรปราการ สมุทรสาครตราด เชียงใหม่ ระยอง ชลบุรี ปัตตานี นครศรีธรรมราช สุราษฎร์ธานี รวมทั้ง
จัดเวทีระดมความคิดเห็นต่อเรื่องระบบประกันสุขภาพแรงงานข้ามชาติ โดยมีตัวแทนทั้งจากแรงงาน
ข้ามชาติ ผู้ประกอบการ เจ้าหน้าที่สถานพยาบาล และองค์กรพัฒนาเอกชน
ข้อค้นพบที่ได้มาจากการรวบรวมข้อมูล ข้อคิดเห็นในการดำเนินการตรวจ และประกันสุขภาพ
ตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่องการตรวจสุขภาพและประกันสุขภาพคนต่างด้าว ลงวันที่ 30
มีนาคม 2558 จะเห็นว่ายังมีข้อจำกัดในการนำนโยบายไปสู่การปฏิบัติในพื้นที่ โดยเฉพาะในกลุ่มคน
ข้ามชาติทั่วไปที่ยังมีข้อจำกัดในการเข้าถึงประกันสุขภาพอยู่ค่อนข้างมาก โดยสาเหตุส่วนหนึ่งเกิดจาก
- การทำความเข้าใจในการดำเนินการตามนโยบายของกระทรวงสาธารณสุขต่อสถานพยาบาลรวมทั้ง
การบริหารจัดการระหว่างหน่วยงานในระดับนโยบายและสถานพยาบาลไม่มีความชัดเจน ส่งผลให้ไม่
เกิดการดำเนินงานจริงในพื้นที่
- สถานพยาบาลมีความเข้าใจต่อนโยบายการตรวจสุขภาพและประกันสุขภาพคนต่างด้าวที่แตกต่างกัน
ทำให้การดำเนินการในแต่ละพื้นที่มีลักษณะที่แตกต่างกันจนมีแนวโน้มที่จะให้การดำเนินการประกัน
สุขภาพกลายเป็นนโยบายแต่ละที่ของผู้บริหารในแต่ละสถานพยาบาลไป
- สถานพยาบาลไม่มั่นใจในแนวทางการจัดการตามนโยบาย การเข้าใจนโยบายที่แตกต่างกัน รวมทั้ง
การยังมีทัศนคติในการดำเนินการตามนโยบายที่ยังอิงกับมาตรการแบบเดิม
- สถานพยาบาลยังคงมีแนวคิดที่จะผูกโยงการประกันสุขภาพกับระบบการจดทะเบียนแรงงานข้ามชาติ
ดังที่เคยปฏิบัติกันมา
- สถานพยาบาลไม่มีความมั่นใจในระบบประกันสุขภาพในแบบที่สมัครใจทำประกันในกลุ่มคนข้ามชาติ
และมองเห็นว่าอาจจะเป็นความเสี่ยงทางงบประมาณของสถานพยาบาลได้
- สถานพยาบาลไม่มีการดำเนินการประชาสัมพันธ์ หรือการทำความเข้าใจกับกลุ่มประชากรข้ามชาติ
ให้เห็นความสำคัญของการทำประกันสุขภาพไม่เกิดขึ้น ส่งผลให้แรงงานข้ามชาติและประชากรข้ามชาติ
ส่วนใหญ่ไม่รับรู้ข้อมูล
- ผู้ประกอบการส่วนหนึ่งที่มีความไม่เข้าใจ หรือไม่เห็นความสำคัญของการทำประกันสุขภาพ ก็ไม่มี
การจัดทำประกันสุขภาพให้แก่แรงงานข้ามชาติด้วย
- ขาดการติดตาม ประเมินผลในทางนโยบาย
- ขาดหน่วยงานรับผิดชอบหลักในเรื่องนโยบาย การบริหารจัดการและการประสานงานกับสถานพยาบาล
ในเรื่องประกันสุขภาพแรงงานข้ามชาติ ก็ทำให้เกิดความสับสนในการประสานงาน รวมทั้งเป็นข้อจำกัด
ในการพัฒนานโยบายที่สอดคล้องกับการดำเนินการประกันสุขภาพในระดับพื้นที่ และการวางแผนในการ
จัดการในระยะยาว
คณะทำงานพัฒนาแนวทางการเข้าถึงบริการสุขภาพที่เป็นมิตรในกลุ่มประชากรข้ามชาติ
จึงมี ข้อเสนอต่อการบริหารจัดการ การตรวจสุขภาพและการประกันสุขภาพคนต่างด้าว ดังนี้
ระบบการบริหารจัดการ
1. กระทรวงสาธารณสุขต้องจัดให้มีผู้รับผิดชอบโดยตรงและจัดให้มีหน่วยบริหารกลางที่ชัดเจน
เพื่อการจัดการและแก้ไขปัญหาที่มีคุณภาพ
2. ให้บริการสุขภาพประชากรข้ามชาติต้องมุ่งเน้นการบริการที่มีคุณภาพ และระบบการให้บริการ
สุขภาพประชากรข้ามชาติ โดยเทียบเท่ากับระบบ สปสช.
3. กระทรวงสาธารณสุขต้องมีการจัดทำแผนงบประมาณในการดำเนินงาน เพื่อส่งเสริมสุขภาพ
ป้องกันโรคในแต่ละปี ให้ชัดเจน
4. ให้กระทรวงสาธารณสุข เสนอเรื่อง ให้ ครม. มีมติให้หน่วยบริการสุขภาพ สามารถจัดจ้าง พสต.
ได้ โดยให้ใช้อำนาจตาม ม.9 และ ม. 13 โดยการออกเป็นประกาศสำนักนายก ว่าด้วยอาชีพที่สามารถ
จัดจ้างได้ ตาม พรบ.การทำงานของคนต่างด้าว 2551
5. กระทรวงสาธารณสุข ต้องนิยามความหมายของพนักงานสาธารณสุขต่างชาติ ( พสต.) ให้ชัด
และสอดคล้องตามยุทธศาสตร์ประชากรต่างด้าวของกระทรวง
6. ให้กระทรวงสาธารณสุข ออกประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่องระเบียบการจัดจ้าง พสต. เพื่อ
กำหนดแนวทางการจัดจ้างและการใช้เงินประกันสุขภาพในการจัดจ้าง พสต. ในหน่วยบริการ
การเข้าถึงข้อมูล
1. จัดทำแผนการประชาสัมพันธ์ให้ความรู้ในเรื่องประกันสุขภาพในกลุ่มแรงานข้ามชาติและคน
ข้ามชาติ ร่วมกันระหว่างหน่วยงานบริการด้านสุขภาพและองค์กรพัฒนาเอกชนในพื้นที่
2. จัดทำเอกสารเผยแพร่เป็นภาษาของแรงงานข้ามชาติ
3. จัดอบรมพสต. อสต. และแกนนำชุมชนในเรื่องการประกันสุขภาพแรงงานข้ามชาติ
การเข้าถึงการตรวจสุขภาพและประกันสุขภาพ
1. กระทรวงสาธารณสุข ต้องระบุกลุ่มประชากรเป้าหมายให้ชัด คือ บุคคลที่ไม่มีสัญชาติไทย ที่
ไม่มีหลักประกันสุขภาพในประเทศไทย (ที่เป็นแรงงานไร้ฝีมือและผู้ติดตาม) ยกเว้นบางกลุ่มประชากร
ตามที่ประกาศในกฎกระทรวง
2. กระทรวงสาธารณสุขจะต้องกำหนดแนวปฏิบัติที่ชัดเจนในเรื่องการดำเนินการขายประกันสุขภาพ
ทั้งในเรื่องเอกสารที่ใช้ วิธีการดำเนินการ เป็นต้น
3. มีมาตรการติดตามบังคับให้สถานพยาบาลขายประกันสุขภาพให้แก่แรงงานข้ามชาติและคนข้าม
ชาติทุกคน รวมทั้งมีระบบติดตามประเมินการขายประกันสุขภาพร่วมกัน ระหว่างกระทรวงสาธารณสุข
และองค์กรพัฒนาเอกชน อีกทั้งมีแนวทางการจัดระบบรับแจ้ง กรณีการเข้าถึงไม่ประกันสุขภาพและการ
บริการประกันสุขภาพจากแรงงานข้ามชาติ
4. ในกรณีแรงงานข้ามชาติ กลุ่มที่นอกเหนือจากการขึ้นทะเบียนที่ศูนย์บริการแบบเบ็ดเสร็จและไม่
เข้าประกันสังคม ควรมีการเปิดให้แรงงานข้ามชาติสามารถซื้อประกันสุขภาพด้วยตนเอง เพื่อป้องกันนายจ้าง
ที่ไม่ต้องการทำประกันสุขภาพให้แก่แรงงานข้ามชาติ
5. จะต้องจัดให้มีล่ามหรือแนวทางอื่น ๆ ที่จะช่วยในการสื่อสารระหว่างแรงงานข้ามชาติและสถาน
พยาบาลในการจัดทำประกันสุขภาพสำหรับแรงงานข้ามชาติ และคนข้ามชาติ
6. พิจารณาการจัดทำประกันสุขภาพในกลุ่มเด็กผู้ติดตามในช่วงอายุมากกว่า 7 ปี โดยควรให้มีค่า
ใช้จ่ายในการประกันสุขภาพที่เหมาะสมกับความสามารถในการซื้อประกันสุขภาพของกลุ่มผู้ติดตามด้วย
